ที่มา

          ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลให้โลกขยับเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างก้าวกระโดด การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมไทยสู่สังคมผู้สูงอายุ และกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มเมืองหลัก เมืองรอง และเมืองชายแดนที่เป็นรากฐานเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ

          ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ด้วยวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน” จึงต้องพัฒนาอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพและสร้างการขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและกระจายรายได้อย่างยั่งยืน

          จากความสำเร็จของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมพื้นที่ขยายตัวกว่า 13.2% ในปี พ.ศ. 2564 รัฐบาลจึงขยายผลไปยังพื้นที่อื่น เพื่อสร้าง New Regional Growth Pole ที่เป็นระบบเศรษฐกิจแบบ Inclusive สอดคล้องกับอุปสงค์และอุปทานในพื้นที่

          โครงการ “การประเมินเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ บนฐานโมเดลเศรษฐกิจ BCG” เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) ใน 4 ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ คือ เหนือ (NEC) ตะวันออกเฉียงเหนือ(NeEC) กลาง-ตะวันตก(CWEC) และใต้(SEC)

          โครงการมีกรอบการทำงาน 5 ด้าน คือ การสังเคราะห์ข้อมูลปัจจุบันและวิเคราะห์ช่องว่างสำคัญ การวิเคราะห์บริบทเชิงพื้นที่และศักยภาพ การพัฒนาแผนบูรณาการกลุ่มอุตสาหกรรม การยกระดับระบบนิเวศและห่วงโซ่อุปทาน และการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย

          การดำเนินงานมุ่งเน้นคลัสเตอร์อุตสาหกรรม 7 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และงานออกแบบดิจิทัล (Digital Creative and Crafts)
  2. กลุ่มผลิตภัณฑ์การเกษตรและอาหารมูลค่าสูง (Argo-Food High Value)
  3. กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ (Silver Wellness Service and Product)
  4. กลุ่มส่งเสริมเข้าสู่อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Transformation)
  5. กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงเคารพและส่งเสริมการมีส่วนร่วม (Respective and Inclusive Tourism)
  6. กลุ่มการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดน (Border Trade)
  7. กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้านวัตกร รมที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีใหม่ (EV and New Technology)

          โดยแต่ละภูมิภาคสามารถระบุคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่เหมาะสมตามศักยภาพของพื้นที่

       ผลลัพธ์คาดหวังคือการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี บนพื้นฐานโมเดลเศรษฐกิจ BCG

วัตถุประสงค์

สังเคราะห์ข้อมูลเชิงประจักษ์

ครอบคลุมสถานการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลพื้นฐาน การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ช่องว่างสำคัญ อุปสงค์-อุปทาน และแนวโน้มตลาดโลกของกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ 7 กลุ่ม

วิเคราะห์บริบทเชิงพื้นที่และศักยภาพ

ที่ส่งผลต่อการพัฒนาในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NeEC)

พัฒนาแผนบูรณาการกลุ่มอุตสาหกรรม

7 กลุ่มที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทเชิงพื้นที่ของทั้ง 2 ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ

ยกระดับระบบนิเวศและห่วงโซ่อุปทาน

ของกลุ่มอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับบริบทแต่ละพื้นที่ พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย

ด้านการส่งเสริมและพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สอดคล้องกับบริบทระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภูมิภาค

กรอบแนวคิด

การวิจัยนี้พัฒนาแผนยุทธศาสตร์สำหรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภูมิภาคของไทย (NEC, NeEC, WEC, SEC) โดยใช้แนวคิด BCG Model และ Inclusive Economy ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในรูปแบบ Quadruple Helix เพื่อสร้างการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืน

ขั้นตอนการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์

การกำหนดคณะทำงานและทบทวนแนวทางการพัฒนา

ทบทวนวรรณกรรม ยุทธศาสตร์และนโยบายที่เกี่ยวข้อง กำหนดกรอบคณะทำงานสำหรับ 4 ภูมิภาค และจัดกิจกรรมสร้างความเข้าใจให้กับคณะทำงาน

การประเมินศักยภาพทางเศรษฐกิจและวิเคราะห์อุปสงค์-อุปทาน

ทบทวนข้อมูลอุตสาหกรรมเป้าหมายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จัดกิจกรรมระดมสมองเพื่อประเมินศักยภาพ บ่งชี้ Sub-cluster ที่มีศักยภาพ และวิเคราะห์ข้อมูลอุปสงค์-อุปทานทั้งในและต่างประเทศ

การวิเคราะห์แผนภาพอนาคตทางเศรษฐกิจ

จัดกิจกรรมทวนสอบข้อมูลร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ใช้เครื่องมือการตัดสินใจแบบหลายหลักเกณฑ์ เช่น AHP หรือ TOPSIS เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มอนาคตของคลัสเตอร์ที่เหมาะสม

การวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis)

วิเคราะห์ช่องว่างของอุตสาหกรรมเชื่อมโยงกับศักยภาพและระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ วิเคราะห์ผู้มีบทบาทตลอดห่วงโซ่คุณค่า และเสนอแผนงานสนับสนุนเพื่อปิดช่องว่าง

การจัดทำแผนที่นำทางอุตสาหกรรม/คลัสเตอร์

พัฒนาแผนพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ออกแบบกรอบแผนงานขับเคลื่อนและกลไกการดำเนินงาน กำหนดแผนริเริ่มและแผนปฏิบัติการ โดยพิจารณาทิศทางการพัฒนา ความเหมาะสมของคลัสเตอร์ และแนวโน้มโลก การวิจัยนี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์แบบครอบคลุม เพื่อสร้างแผนพัฒนาที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอย่างแท้จริง

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

ยุทธศาสตร์/แผน

วิสัยทัศน์/เป้าหมาย

ความเกี่ยวข้องกับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ

ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)

“ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”

ยุทธศาสตร์ที่ 2: การสร้างความสามารถในการแข่งขัน – การยกระดับศักยภาพของประเทศ – การสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 9: เขตเศรษฐกิจพิเศษ

พัฒนาเขตเศรษฐกิจของประเทศไทยเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและยกระดับรายได้ของประชากรในประเทศ

– พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน – เตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจการค้าในพื้นที่มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น – หลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2565-2570)

“สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน”

– การปรับโครงสร้างภาคการผลิตและบริการสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม – การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ – การมุ่งสู่สังคมแห่งโอกาสและความเป็นธรรม

โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy)

“เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ประชาชนมีรายได้ดี คุณภาพชีวิตดี รักษาและฟื้นฟูฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพให้มีคุณภาพที่ดี ด้วยการใช้ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม”

– การสร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ – การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง – การยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG